การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินในตลาด Forex นั้นมีทิศทางของมันเอง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแนวโน้มของตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง นักลงทุนที่มีประสิทธิภาพนั้นควรรู้ทิศทางหรือแนวโน้มของตลาดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ของการซื้อขาย
ปัจจัยที่เป็นตัวผลักดันแนวโน้มของตลาด Forex มีดังต่อไปนี้ :
1. การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินในตลาดหลักทรัพย์อเมริกันช่วงวันศุกร์
2. ช่องว่างทางราคา (ช่องว่างที่เกิดระหว่างช่วงท้ายวันของเมื่อวานกับช่วงเริ่มต้นของวันถัดไป) ในช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์(ระยะเวลาในการซื้อขายของเอเชีย) ระดับแนวต้านของราคาคู่สกุลเงินมักจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้แนวโน้มของราคาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมตลอดช่วงสัปดาห์
ระหว่างระยะเวลาการซื้อขายของชาวอเมริกันในช่วงวันจันทร์กับการซื้อขายของชาวเอเชียในช่วงวันศุกร์ ระดับแนวต้านสูงสุด (ในรูปแฟรกทัลและรูปซิกแซก) จะเป็นตัวกำหนดจุดเริ่มของคู่สกุลเงินว่าราคาของคู่สกุลเงินดังกล่าวจะพุ่งทะลุแนวต้านขึ้นไปหรือดิ่งลงมา แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของตลาด
ลักษณะพื้นฐานของพฤติกรรมคู่สกุลเงินในตลาด Forex คือมันมักจะเคลื่อนไหวไปตามตลาดหลักทรัพย์อเมริกันในช่วงวันศุกร์ ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะถือว่าเป็นการทดสอบขั้นต้นเกี่ยวกับอิทธิพลของข่าวในช่วงวันหยุดที่มีต่อแนวโน้มและทิศทางของตลาด
หากมีการปล่อยข่าวร้ายโดยที่ข่าวดังกล่าวไม่มีอิทธิพลต่อการผันผวนของราคาคู่สกุลเงินในช่วงวันศุกร์เลย นั่นหมายความว่าโบรกเกอร์และธนาคารต่างๆอาจยังไม่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ราคาแกว่งอย่างรุนแรง ดังนั้นการเคลื่อนไหวต่างๆจึงจะเริ่มในวันจันทร์
สาเหตุของการที่ค่าเงินเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงอาจมาจากเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ดังต่อไปนี้ :
1. แนวโน้มที่จะเกิดคลื่นการขึ้นลงของราคารอบใหม่ (new wave of trend) ยกตัวอย่างเช่นการที่ราคาคู่สกุลเงินเพิ่มขึ้นมา 400 จุดในช่วงสัปดาห์ก่อน จะถือเป็นคลื่นลูกแรก โดยหากเป็นคลื่นลูกที่สามราคาอาจเพิ่มขึ้น 640 จุดเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะเท่ากับการเพิ่มขึ้นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
2. การที่เปอร์เซ็นของกลไก rollbacks เพิ่มขึ้นจาก 23 เป็น 62 เปอร์เซ็นต์ โดยการเคลื่อนไหวจะเคลื่อนตัวตามแนวโน้มของตลาด เมื่อขึ้นสัปดาห์ใหม่ ก็จะมีแนวโน้มของตลาดแบบใหม่
หากค่าเงินในตลาดยังไม่มีการเคลื่อนไหวในวันศุกร์ ณ ช่วงระยะเวลาการซื้อขายของชาวอเมริกัน นั่นหมายความว่าโบรกเกอร์ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือแนวโน้มของตลาดในสัปดาห์ต่อไปได้ ซึ่งนักลงทุนจะสามารถเช็คแนวโน้มของตลาดได้ในวันจันทร์ถัดไปเท่านั้น
เราสามารถสรุปจากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นได้ว่า: ระยะเวลาในการซื้อขายในวันศุกร์จะเป็นตัวกำหนดท่าทีของค่าเงินในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ค่าเงินดังกล่าวอาจผันแปรไปตามทฤษฎี Elliot Waves
1. หากแนวโน้มของตลาดมีกำลังแรงและมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงวันศุกร์ อาจมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มของตลาดในวันจันทร์หรือวันอังคารจะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม หรือเกิดคลื่นแนวโน้มราคาตลาดระลอกใหม่
2. หากค่าเงินวิ่งสวนทางกับแนวโน้มตลาดในช่วงวันศุกร์ การเคลื่อนไหวในช่วงวันศุกร์นั้นจะถูกปรับฐานหรือแปรสภาพไปเป็นคลื่นของแนวโน้มต้าน
3. หากไม่มีการเคลื่อนไหวของค่าเงินในช่วงวันศุกร์ อาจมีการคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวนั้นอาจเกิดในช่วงวันจันทร์หรืออังคาร.
ลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของตลาด Forex คือสามารถวิเคราะห์ลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสำหรับสัปดาห์ต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นที่จะต้องบันทึกเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อแนวโน้มของตลาดและปรับข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ
นอกจากนี้เรายังต้องให้ความสำคัญกับช่องว่างทางราคา ซึ่งจะปรากฏขึ้นในช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์ โดยไม่ว่าราคาของคู่สกุลเงินในกลุ่มเดียวกันจะพุ่งขึ้นหรือดิ่งลง และไม่ว่าหลังจากระยะเวลาการซื้อขายของชาวเอเชีย ราคาของคู่สกุลเงินจะผันไปในทิศทางไหน โดยทั่วไปแล้วราคาของคู่สกุลเงินก็จะเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกันในสัปดาห์ต่อไป
ในการที่จะทำกำไรจากตลาด นักลงทุนควรเข้าใจว่าแนวโน้มของตลาดระหว่างวันไม่สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง
นักลงทุนทุกท่านควรสรุปใจความหลักได้ว่าค่าเงินนั้นมีการเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่อยู่ตลอดจนกระทั่งมีการปล่อยข่าวบางอย่างออกมา ซึ่งเมื่อมีการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าข่าวนั้นเป็นจริง เราจะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด